เคลมประกัน รถยนต์บ่อย ส่งผลเสียต่อเจ้าของรถอย่างไร เบี้ยจะแพงขึ้นจริงหรือไม่??
  1. บล็อก
travel jp5 กุมภาพันธ์ 2024

เคลมประกัน รถยนต์บ่อย ส่งผลเสียต่อเจ้าของรถอย่างไร เบี้ยจะแพงขึ้นจริงหรือไม่??

การเคลมประกันรถยนต์บ่อยครั้งส่งผลเสียต่อเจ้าของรถหลายปร […]

การเคลมประกันรถยนต์บ่อยครั้งส่งผลเสียต่อเจ้าของรถหลายประการ โดยเฉพาะเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่จะสูงขึ้น แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อเบี้ยที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน

  1. เบี้ยประกันภัยรถยนต์อาจสูงขึ้น การเคลมประกันรถยนต์บ่อยครั้งถือเป็นสัญญาณที่แสดงว่าคุณเป็นผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นบริษัทประกันภัยจึงมองว่าคุณเป็นผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดอุบัติเหตุนั่นเอง**

ดังนั้น เมื่อคุณเคลมประกันบ่อยๆ ความน่าจะเป็นที่คุณจะเกิดอุบัติเหตุอีกครั้งก็สูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทประกันภัยไม่ต้องการ จึงทำให้บริษัทประกันภัยอาจจะขึ้นเบี้ยประกันของคุณเพื่อให้ครอบคลุมความเสี่ยงนี้ และเบี้ยประกันภัยของคุณก็จะสูงขึ้นในปีถัดไป

  1. โอกาสการต่ออายุกรมธรรม์กับบริษัทประกันภัยเดิมอาจจะลดลง หากมีอัตราการเคลมของประกันภัยรถยนต์บ่อยอยู่ในระดับสูงอยู่เป็นประจำ บริษัทประกันภัยอาจจะปฏิเสธความคุ้มครองหรือยกเลิกกรมธรรม์กับคุณล่วงหน้าก็ได้ เพราะบริษัทประกันภัยจะมองว่าลูกค้าคนนั้นเป็นความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุ

ดังนั้นเมื่อบริษัทประกันภัยมองเห็นความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จึงตัดสินใจไม่รับความคุ้มครองต่อ น่าจะเป็นเรื่องที่ชัดเจนมากว่าการเคลมประกันภัยบ่อยๆ รถยนต์บ่อยส่งผลเสียต่อผู้ขับขี่อย่างไร ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าบริษัทประกันภัยจะโทรมาเพื่อแจ้งให้คุณปรับเพิ่มเบี้ยประกันแต่ผู้ขับขี่ก็ปฏิเสธที่จะเพิ่มเบี้ย จึงทำให้บริษัทประกันภัยตัดสินใจยกเลิกกรมธรรม์ล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น

  1. กรมธรรม์มีการยกเลิกก่อนกำหนด อีกหนึ่งผลเสียของผู้ขับขี่ที่เคลมบ่อยประกันรถยนต์ เมื่อได้รับการพิจารณาซ้ำจากบริษัทประกันภัยรถยนต์เพื่อให้ใช้งานต่อไปนั้น บริษัทอาจมีการยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยลดลงเหลือเพียงแค่ใช้ได้ 6 เดือน หรือ อาจจะลดลงมากกว่านั้น และเมื่อกรมธรรม์ถูกยกเลิกเร็วกว่ากำหนด แผนการจัดสรรเงินจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยก็จะไม่ตรงตามที่ได้คาดการณ์ไว้

นอกเหนือจากการเคลมประกันบ่อยแล้ว ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรถยนต์สูงขึ้น ก็มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน เช่น

  • อายุของผู้ขับขี่ ถ้าอายุมาก อุบัติเหตุก็มีมากขึ้น ตามมาด้วยเบี้ยประกันที่สูงขึ้นอยู่ดี

  • ประวัติด้านการขับขี่ ผู้ขับขี่ที่มีประวัติด้านการขับขี่ไม่ดี เช่น เคยเกิดอุบัติเหตุ หรือเคยถูกปรับจากการทำผิดกฎจราจร ก็ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยที่สูงกว่า กลุ่มเสี่ยงที่ก่ออุบัติเหตุ

  • ประเภทของรถยนต์ เบี้ยประกันของรถยนต์บางประเภทสูงกว่ารถประเภทอื่น เช่น รถสปอร์ต หรือรถที่มีมูลค่าสูง

  • การใช้งานรถยนต์ หากคุณใช้รถยนต์ในลักษณะที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การขับรถระยะทางไกลเป็นประจำ หรือการขับรถในเวลากลางคืน เบี้ยประกันภัยรถยนต์ก็จะสูงขึ้น

  • ที่ตั้งของผู้ขับขี่ ผู้ขับขี่ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูง เช่น ในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ๆ เบี้ยประกันภัยรถยนต์ก็จะสูงขึ้น

ดังนั้น การป้องกันไม่ให้เบี้ยประกันรถยนต์สูงขึ้น จึงควรขับรถอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการทำผิดกฎจราจร และหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ หากคุณมีประวัติด้านการขับขี่ที่ดี คุณก็จะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัย หรือ ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องเคลมประกัน ให้เคลมเท่าที่จำเป็นจริงๆ

0 View | 0 Comment

Recent Comments

ไม่มีความเห็นที่จะแสดง

Search